มติ วงศ์ทิพจักร ศิริพันธุ์
ครูบรรณารักษ์ โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย
บทความวิชาการนี้มุ่งนำเสนอพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย สถาบันการศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษาแห่งแรกของภาคเหนือ ตั้งแต่การก่อตั้งในปีพุทธศักราช 2441 จนถึงปัจจุบัน โดยศึกษาถึงบริบททางประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้ง บทบาทของผู้อุปถัมภ์ที่สำคัญ โดยเฉพาะเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าผู้ครองนครลำปาง และพัฒนาการทางวิชาการที่สำคัญ การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยมิได้เป็นเพียงสถาบันการศึกษาเท่านั้น หากแต่เป็นประจักษ์พยานของการปฏิรูปการศึกษาสมัยใหม่ในส่วนภูมิภาค อันเป็นผลจากนโยบายการปฏิรูปประเทศในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ท่ามกลางขุนเขาสูงตระหง่านและสายน้ำวังที่ไหลรินหล่อเลี้ยงชีวิต เมืองลำปาง หรือ “นครเขลางค์” ดินแดนแห่งรถม้าและวัฒนธรรมอันรุ่งเรือง ได้ถือกำเนิดสถานศึกษาอันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาการศึกษาในภูมิภาคแห่งนี้ นาม “โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย” โรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกของจังหวัดลำปาง ที่หยั่งรากลึกยาวนานมากว่าศตวรรษ เป็นประจักษ์พยานแห่งความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ปัญญาและพัฒนาเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญของชาติบ้านเมือง การศึกษาประวัติศาสตร์ของสถาบันการศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจพัฒนาการของระบบการศึกษาและสังคมในมิติที่กว้างขวาง1. บทความวิชาการนี้จึงมุ่งนำเสนอการศึกษาเชิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ซึ่งได้ก้าวเข้าสู่การครบรอบ 125 ปีแห่งการสถาปนาในปีพุทธศักราช 2566 ท่ามกลางบริบทของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการสร้างรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยามให้เข้มแข็ง2. การก่อตั้งโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายการปฏิรูปประเทศในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โดยเฉพาะการขยายโอกาสทางการศึกษาสู่ส่วนภูมิภาค อันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศในยุคต่อมา3,4.
การก่อตั้งโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยเกิดขึ้นในบริบทของการปฏิรูปประเทศครั้งสำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) การปฏิรูปดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาประเทศให้ทันสมัยและรักษาเอกราชท่ามกลางแรงกดดันจากมหาอำนาจตะวันตก5,6. การจัดการศึกษาแบบสมัยใหม่ในหัวเมืองล้านนาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปฏิรูปประเทศ เพื่อพัฒนาพื้นที่ชายขอบและเสริมสร้างความมั่นคงทางการเมืองของรัฐสยาม7-9. จังหวัดลำปางหรือนครเขลางค์จึงได้รับการจัดตั้งสถาบันการศึกษาของรัฐบาลแห่งแรกขึ้นในช่วงเวลานั้น อันเป็นส่วนหนึ่งของการขยายอำนาจรัฐส่วนกลางเข้าสู่ภูมิภาคผ่านระบบการศึกษา10 และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจแบบเดิม11.
โรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกในลำปางได้รับการก่อตั้งขึ้นในปีรัตนโกสินทร์ศก 117 ตรงกับปีพุทธศักราช 2441 ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาของการขยายตัวทางการศึกษาแผนใหม่ของรัฐบาลสยาม12. ในระยะเริ่มแรกนั้น โรงเรียนได้อาศัยพื้นที่ของ วัดพระแก้วดอนเต้า อันเป็นศาสนสถานสำคัญของเมืองลำปาง เป็นสถานที่จัดการเรียนการสอน ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบการจัดการศึกษาในยุคเริ่มต้นของไทยที่มักอาศัยวัดเป็นศูนย์กลางการศึกษา3(pp68-70). การเลือกวัดพระแก้วดอนเต้าซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์8(pp198-200) และเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตดอนเต้า จึงสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการผสานการศึกษาสมัยใหม่เข้ากับสถาบันเดิมของสังคม.
อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้น ณ วัดพระแก้วดอนเต้าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นชั่วคราว เนื่องจากข้อจำกัดด้านสถานที่และปัจจัยอื่นๆ โรงเรียนจึงต้องโยกย้ายสถานที่ตั้งในระยะเวลาอันรวดเร็ว ราวปีรัตนโกสินทร์ศก 118 (พ.ศ. 2442) เพียงหนึ่งปีให้หลังจากการก่อตั้ง โรงเรียนได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่ วัดสุชาดา อีกหนึ่งวัดสำคัญในเมืองลำปาง13(p18). การย้ายสถานที่ตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการแสวงหาสถานที่ที่เหมาะสมและเอื้ออำนวยต่อการจัดการศึกษาในยุคแรกเริ่ม แต่การย้ายไปยังวัดสุชาดาก็ยังคงเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในปีรัตนโกสินทร์ศก 119 (พ.ศ. 2443) โรงเรียนได้ย้ายสถานที่ตั้งอีกครั้ง คราวนี้ไปอยู่ที่ วัดแสงเมืองมา วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำปาง13(p18). การย้ายสถานที่ตั้งถึงสามครั้งภายในระยะเวลาเพียงสองปี แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงในระยะเริ่มต้นของการก่อตั้งโรงเรียน แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้เกี่ยวข้องในการที่จะทำให้โรงเรียนแห่งนี้สามารถยืนหยัดและเติบโตต่อไปได้ การโยกย้ายที่ตั้งในระยะเวลาอันสั้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะความเปลี่ยนผ่านและการปรับตัวของระบบการศึกษาล้านนาในบริบทของการปฏิรูปประเทศ14,15.
จุดเปลี่ยนสำคัญของโรงเรียนแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต (ครองเมืองลำปาง พ.ศ. 2439-2466) เจ้าผู้ครองนครลำปางในยุคนั้น ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาในการพัฒนาบ้านเมืองและประชาชน จึงได้ให้การสนับสนุนและอุปถัมภ์โรงเรียนอย่างเต็มที่16(pp215-216). บทบาทของเจ้าบุญวาทย์ฯ สะท้อนการปรับตัวของชนชั้นนำท้องถิ่นต่ออำนาจรัฐรวมศูนย์จากกรุงเทพฯ9. ภายใต้การอุปถัมภ์ของเจ้าบุญวาทย์ฯ โรงเรียนได้ย้ายจากวัดแสงเมืองมามาตั้งอยู่ บริเวณหน้าคุ้มหลวง อันเป็นจวนที่ประทับของเจ้าผู้ครองนคร ตำแหน่งที่ตั้งดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการผนวกรวมสถาบันการศึกษาเข้ากับศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองในท้องถิ่น17. การย้ายมายังหน้าคุ้มหลวงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่เจ้าบุญวาทย์ฯ ทรงมีต่อโรงเรียน และเป็นการเปิดโอกาสให้โรงเรียนได้ใกล้ชิดกับศูนย์กลางการปกครองและชุมชนเมืองมากยิ่งขึ้น.
การย้ายมาตั้งที่หน้าคุ้มหลวงส่งผลให้จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานที่เรียนเดิมเริ่มไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียนที่มากขึ้น13(p19). เจ้าบุญวาทย์ฯ ทรงตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงทรงตัดสินพระทัยที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง พระองค์ได้ทรง ซื้อที่ดินบริเวณห้างกิมเซ่งหลี ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลน้ำล้อม อำเภอเมืองลำปางในปัจจุบัน (ปัจจุบันคือบริเวณที่ตั้งของโรงแรมอรุณศักดิ์) เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนแห่งใหม่13(p19),18. การตัดสินพระทัยซื้อที่ดินและย้ายโรงเรียนมายังบริเวณห้างกิมเซ่งหลี ถือเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยอย่างแท้จริง ที่ดินแห่งใหม่นี้มีความกว้างขวางและเหมาะสมต่อการพัฒนาโรงเรียนให้เจริญก้าวหน้า เป็นการแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันยาวไกลของเจ้าบุญวาทย์ฯ ในการพัฒนาการศึกษาของเมืองลำปาง.
ปีรัตนโกสินทร์ศก 124 (พ.ศ. 2448) เป็นปีประวัติศาสตร์ของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย เนื่องจากเป็นปีที่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6) ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนแห่งใหม่ ณ บริเวณห้างกิมเซ่งหลี19(p34). การเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นการแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระราชหฤทัยที่ทรงให้ความสำคัญกับการศึกษาในหัวเมือง และเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้บริหาร ครู อาจารย์ และนักเรียนของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยเป็นอย่างยิ่ง การเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอฯ มายังหัวเมืองล้านนาในครั้งนั้น มิได้มีความสำคัญเพียงในมิติของการศึกษาเท่านั้น แต่ยังมีนัยสำคัญทางการเมืองในการแสดงสัญลักษณ์แห่งอำนาจของรัฐสยามเหนือดินแดนล้านนา20(pp98-101),14(pp220-221),21.
ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรง พระราชทานนามโรงเรียนแห่งนี้ว่า “บุญวาทย์วิทยาลัย” ตามราชทินนามของเจ้าหลวงบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าผู้ครองนครลำปาง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและแสดงความขอบคุณในพระกรุณาธิคุณของเจ้าหลวงบุญวาทย์ฯ ที่ได้ทรงอุปถัมภ์และทำนุบำรุงโรงเรียนมาโดยตลอด13(p20). การพระราชทานนามโรงเรียนตามราชทินนามของเจ้าผู้ครองนครลำปางแสดงให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ทางการเมืองของรัฐบาลสยามในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชนชั้นนำท้องถิ่น17,9. การพระราชทานคำว่า "วิทยาลัย" ซึ่งในสมัยนั้นมักใช้กับสถานศึกษาระดับสูงกว่าโรงเรียนทั่วไป สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่ทรงมอบให้กับสถาบันนี้3(p267).
เหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ได้รับการบันทึกไว้ใน พระราชนิพนธ์ “ลิลิตพายัพ” ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงใช้พระนามแฝงว่า “หนานแก้วเมืองบูรพ์”22(p267) โดยทรงบรรยายถึงเหตุการณ์เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยไว้ว่า:
วันที่ซาวหกนั้น เสด็จไป ทรงเปิดโรงเรียนไทย ฤกษ์เช้า บุญวาทย์วิทยาลัย ขนานชื่อ ประทานนอ เป็นเกียรติยศแด่เจ้า ปกแคว้นลำปาง
จากพระราชนิพนธ์บทนี้ ทำให้เราทราบถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่ 26 พฤศจิกายน รศ. 124 (พ.ศ. 2448) เป็นวันที่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยอย่างเป็นทางการ และพระราชทานนามอันเป็นมงคลนาม เพื่อเป็นเกียรติยศแก่เจ้าผู้ครองนครลำปาง นับแต่นั้นมา โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยจึงได้ถือเอา วันที่ 26 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น วันสถาปนาโรงเรียน เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระอันเป็นมงคลแห่งการก่อตั้งโรงเรียน.
หลังจากที่โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยได้ย้ายออกมาตั้งอยู่ที่บริเวณห้างกิมเซ่งหลีแล้ว เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตมิได้ทรงละเลยการศึกษาของบุตรหลานและประชาชนในเขตพระราชฐาน พระองค์ได้ทรงก่อตั้ง โรงเรียนแห่งใหม่ ขึ้นอีกโรงเรียนหนึ่ง ณ บริเวณหอพระในสวนดอกไม้ของคุ้มหลวง13(p22). โรงเรียนแห่งใหม่นี้ในระยะแรกมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นสถานศึกษาสำหรับบุตรหลานของเจ้าหลวงและข้าราชบริพารในคุ้มหลวง ต่อมาจึงได้ขยายการรับนักเรียนไปยังเด็กที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง โรงเรียนแห่งนี้ในระยะแรก ไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ แต่ชาวบ้านทั่วไปนิยมเรียกว่า “โรงเรียนเจ้าชื่น” ตามพระนามของแม่เจ้าเมืองชื่น พระชายาของเจ้าบุญวาทย์ฯ13(p22).
ต่อมา โรงเรียนเจ้าชื่นได้ย้ายสถานที่ตั้งมาอยู่ บริเวณหน้าคุ้มหลวง โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูล” ตามพระนามเดิมของเจ้าหลวงบุญวาทย์วงษ์มานิต13(p22). อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านทั่วไปยังคงนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “โรงเรียนหน้าคุ้ม” เพื่อความสะดวกในการเรียกขาน โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูลได้ดำเนินกิจการควบคู่ไปกับโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย เป็นสถานศึกษาที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองลำปาง จนกระทั่งถึง ปีพุทธศักราช 2472 ด้วยเหตุผลด้านการบริหารจัดการและเพื่อความเจริญก้าวหน้าของการศึกษาโดยรวม โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูลจึงได้ย้ายมาเรียนรวมกับโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย เป็นการรวมสายธารแห่งการศึกษาทั้งสองสายให้เป็นหนึ่งเดียว เสริมสร้างความเข้มแข็งและศักยภาพของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยให้มากยิ่งขึ้น13(p23). การรวมโรงเรียนลักษณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการจัดการศึกษาของรัฐในยุคนั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ23.
เมื่อกาลเวลาล่วงเลยมาถึง ปีพุทธศักราช 2474 สถานที่เรียนของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ณ บริเวณห้างกิมเซ่งหลี เริ่ม คับแคบเกินกว่าที่จะรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มมากขึ้น ตามการขยายตัวของการศึกษาและการเพิ่มขึ้นของประชากรในเมืองลำปาง24. ด้วยเหตุนี้ ทางโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้องจึงได้พิจารณาหา สถานที่ตั้งแห่งใหม่ ที่มีความกว้างขวางและเหมาะสมต่อการพัฒนาโรงเรียนในระยะยาว ในที่สุด จึงได้ตัดสินใจย้ายโรงเรียนมาตั้งอยู่ นอกกำแพงเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยในปัจจุบัน13(p24).
สถานที่ตั้งแห่งใหม่นี้มี เนื้อที่กว้างขวางถึง 40 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา เป็นพื้นที่ที่เอื้ออำนวยต่อการก่อสร้างอาคารเรียนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของโรงเรียนในอนาคต13(p24). การย้ายมายังสถานที่ตั้งปัจจุบัน ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย โรงเรียนได้เริ่ม ขยายชั้นเรียนและก่อสร้างอาคารเรียนเพิ่มเติม อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวของการศึกษาและจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ต่อมา โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยได้ ขยายพื้นที่โรงเรียนออกไปอีก จนมีเนื้อที่รวมทั้งสิ้น 44 ไร่ 3 งาน 54 ตารางวา25. เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเติบโตและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของโรงเรียนแห่งนี้.
ในปีพุทธศักราช 2490 โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการพัฒนาการศึกษาในระดับสูงขึ้น โดยได้ เปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษาเป็นแห่งแรกของภาคเหนือ เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนในจังหวัดลำปางและจังหวัดใกล้เคียงได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับสูง โดยไม่ต้องเดินทางไปศึกษาต่อในกรุงเทพมหานคร การเปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษา เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย และเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของสังคมที่ต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในระดับสูงในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง12.
ในยุคเดียวกันนี้ โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ โดยได้ ก่อสร้างอาคารวิทยาศาสตร์ ขึ้นเป็นแห่งแรกของภาคเหนือ13(pp35-36). อาคารวิทยาศาสตร์ใช้สถาปัตยกรรมคณะราษฎร ที่มีลักษณะเรียบง่าย ลดทอนรายละเอียด ไม่ตกแต่งรายละเอียด ตลอดจนสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก และไม่มีหลังคา มีแนวคิดเรื่องประชาธิปไตย อุดมการณ์ประชาธิปไตย ความเสมอภาค มีองค์ประกอบตกแต่งใช้รูปทรงทางเรขาคณิต ใช้เส้นตั้ง เส้นนอน จัดองค์ประกอบให้ดูทันสมัย ไม่ขึ้นเป็นจั่วทรงสูง ไร้ลวดลายไทย สื่อถึงความเสมอภาค และการลดเลิกฐานานุศักดิ์ ชนชั้นทางสังคม26(pp120-125),27 โดยใช้อาคารปฏิบัติการฟิสิกส์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นต้นแบบ13(p36). การก่อสร้างอาคารวิทยาศาสตร์ได้รับเงินงบประมาณส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งได้มาจาก รายได้จากการจัดงานฤดูหนาวของจังหวัดลำปาง รวมถึง เงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ การก่อสร้างอาคารวิทยาศาสตร์ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยในการพัฒนาการศึกษาให้ทันสมัยและสอดคล้องกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยมิได้เป็นเพียงสถานศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษาแห่งแรกของภาคเหนือเท่านั้น แต่ยังเป็นประจักษ์พยานสำคัญของพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ล้านนาในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากระบบการปกครองแบบจารีตสู่การเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชาติสยามสมัยใหม่14,7,11. พัฒนาการของสถาบันแห่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างอำนาจท้องถิ่นกับอำนาจรัฐส่วนกลาง รวมถึงการปรับตัวของชนชั้นนำล้านนาต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและวัฒนธรรม17,10,9. การก่อตั้งและพัฒนาการของบุญวาทย์วิทยาลัยมีความสำคัญทั้งในเชิงประวัติศาสตร์การศึกษาและในบริบทของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองของประเทศไทย ในแง่ของประวัติศาสตร์การศึกษา บุญวาทย์วิทยาลัยเป็นตัวอย่างของการขยายตัวของระบบการศึกษาสมัยใหม่จากศูนย์กลางสู่ภูมิภาค สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายการปฏิรูปการศึกษาในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่มุ่งสร้างความเป็นสมัยใหม่ให้กับประเทศ3,4. ในแง่สังคมและการเมือง การก่อตั้งโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจจากส่วนกลางกับโครงสร้างอำนาจท้องถิ่นในล้านนา28. บทบาทของเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตในฐานะผู้อุปถัมภ์โรงเรียนสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของชนชั้นนำท้องถิ่นต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมือง และการดำรงอยู่ของความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ในกระบวนการพัฒนาการศึกษา16,15. การศึกษาแผนใหม่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้าง "ความเป็นไทย" ให้กับผู้คนในภูมิภาค29,21.
ประวัติศาสตร์ของบุญวาทย์วิทยาลัยในช่วงเริ่มต้นสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการปฏิรูปการศึกษาของไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 และบริบททางสังคมและการเมืองของล้านนาในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นสมัยใหม่ การก่อตั้งและพัฒนาการของโรงเรียนแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจส่วนกลางกับท้องถิ่น และบทบาทของชนชั้นนำท้องถิ่นในการส่งเสริมการศึกษา เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของโรงเรียน เช่น การเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนและพระราชทานนามของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ในปี พ.ศ. 2448 แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการพัฒนาการศึกษาไทย ด้วยเกียรติประวัติอันยาวนานและผลงานอันประจักษ์ โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยจึงนับได้ว่าเป็นร้อยยี่สิบห้าปีแห่งความภาคภูมิใจและเกียรติคุณอย่างแท้จริง และจะยังคงเป็นสถานศึกษาที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงคู่เมืองลำปางต่อไป เป็นแหล่งบ่มเพาะปัญญาและสร้างสรรค์เยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป