Bunyawat Witthayalai School

โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย: พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สู่สถาบันเตรียมอุดมศึกษาแห่งแรกของภาคเหนือ

โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย: พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สู่ศูนย์กลางสถาบันเตรียมอุดมศึกษาของภาคเหนือ

มติ วงศ์ทิพจักร ศิริพันธุ์
ครูบรรณารักษ์ โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย

แก้ไขล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2568

บทคัดย่อ

บทความวิชาการนี้มุ่งนำเสนอพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จังหวัดลำปาง ซึ่งได้รับการสถาปนาขึ้นในปีพุทธศักราช 2441 ในฐานะโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกในเมืองลำปาง การศึกษาครอบคลุมถึงบริบททางประวัติศาสตร์ของการปฏิรูปการศึกษาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะนโยบายการขยายการศึกษาสมัยใหม่สู่ส่วนภูมิภาคในยุคแห่งการรวมศูนย์อำนาจของรัฐสยาม ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้ง บทบาทสำคัญของผู้อุปถัมภ์ โดยเฉพาะเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต และพัฒนาการของโรงเรียนภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางการกระจายโอกาสทางการศึกษาและการยกระดับสถานศึกษาในส่วนภูมิภาคตามนโยบายของคณะราษฎร นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางสถาบันการศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษาของภาคเหนือในปี พ.ศ. 2490 พร้อมด้วยการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย โดยมีบุคคลสำคัญทางการศึกษาอย่าง ม.ล.ปิ่น มาลากุล เข้ามามีบทบาทในการวางแผนแม่บท การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยมิได้มีสถานะเป็นเพียงสถาบันการศึกษา แต่ยังเป็นประจักษ์พยานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างอำนาจรัฐส่วนกลางกับท้องถิ่น และการปรับเปลี่ยนนโยบายการศึกษาของรัฐที่ตอบสนองต่อพลวัตทางสังคมและการเมืองในแต่ละยุคสมัยของการสร้างรัฐชาติไทย

คำสำคัญ: โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย, ประวัติศาสตร์การศึกษา, ล้านนา, ลำปาง, การปฏิรูปการศึกษา, การกระจายโอกาสทางการศึกษา, เตรียมอุดมศึกษาภาคเหนือ, คณะราษฎร, ปิ่น มาลากุล

บทนำ

การศึกษาประวัติศาสตร์ของสถาบันการศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจพัฒนาการของระบบการศึกษาควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองในมิติที่กว้างขวาง1 โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จังหวัดลำปาง ถือกำเนิดขึ้นในปีพุทธศักราช 2441 ท่ามกลางบริบทของการปฏิรูปประเทศครั้งสำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการสร้างรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยามให้เข้มแข็งและขยายอำนาจรัฐส่วนกลางสู่ส่วนภูมิภาคผ่านกลไกต่างๆ รวมถึงระบบการศึกษา2-4 โรงเรียนแห่งนี้จึงเป็นประจักษ์พยานของการปฏิรูปการศึกษาสมัยใหม่ในส่วนภูมิภาคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

ประวัติศาสตร์ของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยมิได้จำกัดอยู่เพียงช่วงเวลาแห่งการปฏิรูปในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของนโยบายการศึกษาและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐในส่วนภูมิภาคภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ซึ่งคณะราษฎรได้เข้ามามีบทบาทในการบริหารประเทศและนำเสนอแนวคิดในการกระจายโอกาสทางการศึกษาไปสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง บทความวิชาการนี้จึงมุ่งนำเสนอการศึกษาเชิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย โดยวิเคราะห์พัฒนาการของโรงเรียนในฐานะภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงนโยบายการศึกษาของรัฐไทย ตั้งแต่ยุคการรวมศูนย์อำนาจสู่การกระจายโอกาสทางการศึกษาในภูมิภาค พร้อมทั้งศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้ง บทบาทสำคัญของผู้อุปถัมภ์ และพัฒนาการทางวิชาการและโครงสร้างพื้นฐานที่นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางสถาบันเตรียมอุดมศึกษาของภาคเหนือ เพื่อแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษาของชาติในบริบททางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน

บริบทประวัติศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาในสยามและล้านนา (ก่อน พ.ศ. 2475)

การก่อตั้งโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกในลำปาง เกิดขึ้นในบริบทของการปฏิรูปประเทศในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก เพื่อรักษาเอกราชและรับมือกับแรงกดดันจากมหาอำนาจตะวันตก5,6 การจัดการศึกษาแบบสมัยใหม่ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของรัฐชาติ การผลิตบุคลากรเพื่อรองรับระบบราชการสมัยใหม่ และการปลูกฝังอุดมการณ์ของรัฐส่วนกลาง7,8

ในส่วนของหัวเมืองล้านนา การปฏิรูปการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง9-11 การตั้งโรงเรียนหลวงในเมืองสำคัญต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ น่าน เป็นการนำเอาระบบการศึกษาแบบใหม่เข้าไปแทนที่การศึกษาแบบดั้งเดิมที่ผูกติดอยู่กับวัดและคุ้มเจ้า การศึกษาแผนใหม่ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้าง "ความเป็นไทย" ให้กับผู้คนในภูมิภาค และหล่อหลอมพลเมืองให้มีสำนึกร่วมในความเป็นชาติสยาม12,13 จังหวัดลำปางในฐานะเมืองสำคัญแห่งหนึ่งของล้านนาและมีสถานะเป็นศูนย์กลางการปกครองมณฑลพายัพ จึงเป็นพื้นที่เป้าหมายของการขยายการศึกษาสมัยใหม่จากส่วนกลางในยุคนี้

การสถาปนาและระยะแรก: การเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้ง (พ.ศ. 2441-2443)

โรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกในลำปาง ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปีรัตนโกสินทร์ศก 117 ตรงกับปีพุทธศักราช 2441 ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาที่รัฐบาลสยามภายใต้กระทรวงธรรมการ14 กำลังเร่งขยายการศึกษาแผนใหม่ออกสู่หัวเมืองต่างๆ ในระยะแรก โรงเรียนได้อาศัยพื้นที่ของวัดพระแก้วดอนเต้า ซึ่งเป็นศาสนสถานสำคัญและเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตดอนเต้าในการจัดการเรียนการสอน10, น. 198-200 การเริ่มต้นในพื้นที่วัดสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการจัดการศึกษาในยุคแรกของไทยที่มักอาศัยวัดเป็นศูนย์กลางและเชื่อมโยงกับการศึกษาแบบดั้งเดิม3, pp. 68-70

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดด้านสถานที่ทำให้โรงเรียนต้องโยกย้ายหลายครั้ง ในปีรัตนโกสินทร์ศก 118 (พ.ศ. 2442) ได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่วัดสุชาดา และในปีรัตนโกสินทร์ศก 119 (พ.ศ. 2443) ได้ย้ายอีกครั้งไปอยู่ที่วัดแสงเมืองมา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง15, น. 18 การโยกย้ายสถานที่ตั้งถึงสามครั้งภายในระยะเวลาเพียงสองปีแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงในระยะเริ่มต้นของการก่อตั้งโรงเรียน และสภาวะความเปลี่ยนผ่านและการปรับตัวของระบบการศึกษาล้านนาในบริบทของการปฏิรูปประเทศ10,16 แม้จะมีความไม่แน่นอนในสถานที่ตั้ง แต่ก็สะท้อนถึงความพยายามของผู้เกี่ยวข้องในการธำรงรักษาและพัฒนาโรงเรียนแห่งนี้

การอุปถัมภ์โดยเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตและการวางรากฐาน (พ.ศ. 2444-2448)

จุดเปลี่ยนสำคัญของโรงเรียนเกิดขึ้นเมื่อเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต (ครองเมืองลำปาง พ.ศ. 2439-2466) เจ้าผู้ครองนครลำปางในขณะนั้น ได้ทรงเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาในการพัฒนาบ้านเมืองและประชาชน พระองค์ได้ให้การสนับสนุนและอุปถัมภ์โรงเรียนอย่างเต็มที่17, น. 215-216 บทบาทของเจ้าบุญวาทย์ฯ สะท้อนการปรับตัวของชนชั้นนำท้องถิ่นต่ออำนาจรัฐรวมศูนย์จากกรุงเทพฯ11 ภายใต้การอุปถัมภ์นี้ โรงเรียนได้ย้ายจากวัดแสงเมืองมาตั้งอยู่บริเวณหน้าคุ้มหลวง ซึ่งเป็นจวนที่ประทับของเจ้าผู้ครองนคร18 ตำแหน่งที่ตั้งดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงสถาบันการศึกษาเข้ากับศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองในท้องถิ่น และเป็นการเปิดโอกาสให้โรงเรียนได้ใกล้ชิดกับผู้บริหารและชุมชนเมืองมากขึ้น

การย้ายมาตั้งที่หน้าคุ้มหลวงส่งผลให้จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสถานที่เรียนเดิมเริ่มไม่เพียงพอ15, น. 19 ด้วยพระวิสัยทัศน์อันยาวไกล พระองค์ทรงตระหนักถึงปัญหานี้ จึงทรงตัดสินใจซื้อที่ดินบริเวณห้างกิมเซ่งหลี (ปัจจุบันคือบริเวณที่ตั้งของโรงแรมอรุณศักดิ์) เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนแห่งใหม่15, น. 19; 19 การลงทุนซื้อที่ดินเพื่อสร้างสถานศึกษาเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการวางรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยอย่างแท้จริง

การพระราชทานนาม "บุญวาทย์วิทยาลัย" และนัยยะ (พ.ศ. 2448)

ปีพุทธศักราช 2448 (รัตนโกสินทร์ศก 124) ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง เมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6) ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนแห่งใหม่ ณ บริเวณห้างกิมเซ่งหลี20, p. 34 การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนี้มีความสำคัญหลายมิติ นอกจากการเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการศึกษาในหัวเมืองแล้ว ยังมีนัยสำคัญทางการเมืองในการแสดงสัญลักษณ์แห่งอำนาจของรัฐสยามเหนือดินแดนล้านนาภายใต้กระบวนการรวมศูนย์อำนาจ21, pp. 98-101; 10, น. 220-221; ดูการตีความนัยยะเชิงอำนาจใน 13

ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธฯ ทรงพระราชทานนามโรงเรียนแห่งนี้ว่า "บุญวาทย์วิทยาลัย" เพื่อเป็นเกียรติยศและแสดงความขอบคุณในพระกรุณาธิคุณของเจ้าหลวงบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าผู้ครองนครลำปาง ซึ่งทรงอุปถัมภ์โรงเรียนมาโดยตลอด15, น. 20 การพระราชทานนามตามราชทินนามของเจ้าผู้ครองนครลำปางสะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ทางการเมืองของรัฐบาลสยามในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชนชั้นนำท้องถิ่นเพื่อเกื้อหนุนกระบวนการรวมศูนย์อำนาจ18,11 การใช้คำว่า "วิทยาลัย" ซึ่งในสมัยนั้นมักสงวนไว้สำหรับสถานศึกษาระดับสูงกว่าโรงเรียนทั่วไป ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่ทรงมอบให้กับสถาบันแห่งนี้3, p. 267

เหตุการณ์สำคัญนี้ได้รับการบันทึกไว้ในพระราชนิพนธ์ "ลิลิตพายัพ" ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงใช้พระนามแฝงว่า "หนานแก้วเมืองบูรพ์"22, น. 267 ทรงบรรยายถึงเหตุการณ์ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ร.ศ. 124 (พ.ศ. 2448) ไว้ว่า:

วันที่ซาวหกนั้น เสด็จไป
ทรงเปิดโรงเรียนไทย ฤกษ์เช้า
บุญวาทย์วิทยาลัย ขนานชื่อ ประทานนอ
เป็นเกียรติยศแด่เจ้า ปกแคว้นลำปาง

นับแต่นั้นเป็นต้นมา โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยจึงได้ถือเอาวันที่ 26 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันสถาปนาโรงเรียน เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้

การรวมโรงเรียน: โรงเรียนเจ้าชื่นและบุญทวงศ์อนุกูล (พ.ศ. 2472)

หลังจากที่โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยได้ย้ายไปตั้ง ณ บริเวณห้างกิมเซ่งหลี เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตยังได้ทรงให้ความสำคัญกับการศึกษาของบุตรหลานและข้าราชบริพารในคุ้มหลวง โดยทรงก่อตั้งโรงเรียนขึ้นอีกแห่ง ณ บริเวณหอพระในสวนดอกไม้ของคุ้มหลวง ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในนาม "โรงเรียนเจ้าชื่น" ตามพระนามของแม่เจ้าเมืองชื่น พระชายา15, น. 22 โรงเรียนแห่งนี้ในระยะแรกมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับบุตรหลานในคุ้มหลวง ก่อนจะขยายการรับนักเรียนไปยังเด็กทั่วไปในเวลาต่อมา

ต่อมา โรงเรียนเจ้าชื่นได้ย้ายมาตั้งบริเวณหน้าคุ้มหลวง และได้รับชื่ออย่างเป็นทางการว่า "โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูล" ตามพระนามเดิมของเจ้าหลวงบุญวาทย์วงษ์มานิต15, น. 22 โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูลได้ดำเนินกิจการควบคู่ไปกับโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จนกระทั่งถึงปีพุทธศักราช 2472 เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการบริหารจัดการและเพื่อความเจริญก้าวหน้าของการศึกษาโดยรวม โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูลจึงได้ย้ายมาเรียนรวมกับโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย เป็นการรวมทรัพยากรและเสริมสร้างศักยภาพของโรงเรียนหลักให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การรวมโรงเรียนลักษณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการจัดการศึกษาของรัฐในยุคนั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรวมศูนย์การบริหาร23

การย้ายสถานที่ตั้งสู่ที่ปัจจุบัน (พ.ศ. 2474)

ในปี พ.ศ. 2474 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่นาน สถานที่เรียนของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ณ บริเวณห้างกิมเซ่งหลีเริ่มคับแคบ ไม่สามารถรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นได้อีกต่อไป ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของการศึกษาและการเพิ่มประชากรโดยรวม24 ด้วยเหตุนี้ ทางโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้องจึงได้พิจารณาหาที่ตั้งแห่งใหม่ที่มีความกว้างขวางกว่า และได้ตัดสินใจย้ายโรงเรียนมาตั้งอยู่บริเวณนอกกำแพงเมือง ซึ่งคือที่ตั้งปัจจุบัน15, น. 24 สถานที่ตั้งใหม่นี้มีเนื้อที่เริ่มต้นประมาณ 40 ไร่เศษ ซึ่งเอื้อต่อการขยายตัวในอนาคตและรองรับพัฒนาการของโรงเรียนในระยะยาว

นโยบายการศึกษาและการพัฒนาโรงเรียนยุคหลัง พ.ศ. 2475

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ประเทศไทยได้เปลี่ยนผ่านสู่ระบอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนนโยบายและการบริหารราชการในหลายด้าน รวมถึง การศึกษา แม้การขยายการศึกษาจะเริ่มมาตั้งแต่ปลายสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์แล้วก็ตาม แต่ในยุคหลัง พ.ศ. 2475 นี้ รัฐบาลภายใต้คณะราษฎรและรัฐบาลต่อๆ มาได้ให้ความสำคัญกับการกระจายโอกาสทางการศึกษาไปสู่ประชาชนในภูมิภาคต่างๆ อย่างเป็นระบบและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับหลัก 6 ประการของคณะราษฎร โดยเฉพาะข้อที่ 6 ที่ระบุว่า "จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร"25

แนวคิดและความพยายามในการกระจายโอกาสทางการศึกษาได้เริ่มขึ้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ลักษณะสำคัญของการขับเคลื่อนนี้ในภูมิภาคได้แก่ การเร่งสร้างโรงเรียนในระดับต่างๆ ในต่างจังหวัด การผลิตและจัดส่งครูไปยังภูมิภาค การส่งเสริมแนวคิดการจัดการศึกษาโดยท้องถิ่น และการขยายการศึกษาภาคบังคับ การดำเนินการเหล่านี้ถือเป็น จุดเริ่มต้นสำคัญของการขยายโอกาสทางการศึกษาอย่างกว้างขวางสู่ภูมิภาคต่างๆ โดยมุ่งเน้นการให้การศึกษาแก่สามัญชนมากขึ้น นอกเหนือจากการผลิตบุคลากรเข้ารับราชการ ดังเช่นในยุคก่อนหน้า

โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จังหวัดลำปาง เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนพัฒนาการทางการศึกษาในภูมิภาคยุคหลัง พ.ศ. 2475 ได้เป็นอย่างดี

การยกระดับสู่เตรียมอุดมศึกษาและการวางแผนโครงสร้างพื้นฐาน

โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยมีการพัฒนาที่เด่นชัดและรวดเร็วอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2490 เป็นต้นมา การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง และมีปัจจัยสำคัญหลายประการร่วมกัน ทั้งความจำเป็นในการเร่งฟื้นฟูประเทศโดยรวมและด้านการศึกษา ภายใต้การนำของ ม.ล. ปิ่น มาลากุล ปลัดกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นผลโดยตรงจากนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการกระจายโอกาสและยกระดับคุณภาพการศึกษาในภูมิภาค

เหตุการณ์สำคัญที่แสดงถึงนโยบายนี้อย่างเป็นรูปธรรมคือ ความพยายามในการพัฒนาโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยให้เป็นศูนย์กลางสถาบันเตรียมอุดมศึกษาของภาคเหนือที่ในปี พ.ศ. 2490 โดยเปิดสองแผนกการศึกษา คือ แผนกวิทยาศาสตร์ และแผนกอักษรศาสตร์ การเปิดชั้นเรียนระดับสูงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษาในส่วนภูมิภาค และเปิดโอกาสให้นักเรียนในจังหวัดลำปางและจังหวัดใกล้เคียงสามารถศึกษาต่อในระดับสูงได้โดยไม่ต้องเดินทางไปเชียงใหม่หรือกรุงเทพฯ การนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถระดับสูงในสังคมภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และสอดคล้องกับพัฒนาการของแผนการศึกษาแห่งชาติในยุคนั้น14 เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนในระดับที่สูงขึ้นนี้ รัฐบาลได้ ส่งคณาจารย์จากสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขึ้นมาช่วยจัดการเรียนการสอนจำนวนมาก แสดงถึงความพยายามในการกระจายบุคลากรทางการศึกษาคุณภาพสูงสู่ภูมิภาค

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของโรงเรียนก็เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนี้ ดังจะเห็นได้จากการที่ในปี พ.ศ. 2497 ม.ล.ปิ่น มาลากุล ปลัดกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น ได้มีส่วนในการออกแบบ แผนผังหลัก (master plan) ของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ณ ที่ตั้งปัจจุบัน ม.ล.ปิ่น มาลากุล ถือเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานและขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาไทยในยุคหลัง พ.ศ. 2475 โดยเฉพาะการขยายการศึกษาและพัฒนาคุณภาพครูในส่วนภูมิภาค26,14 การที่ท่านซึ่งดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการศึกษาในขณะนั้น มีส่วนโดยตรงในการออกแบบแผนผังหลักของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่ภาครัฐส่วนกลางมอบให้กับสถานศึกษาแห่งนี้ ในฐานะส่วนหนึ่งของนโยบายพัฒนาการศึกษาทั่วประเทศ แผนผังนี้ประกอบด้วยกลุ่มอาคารต่างๆ รวม 13 อาคาร เพื่อรองรับการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมในระยะยาว หนึ่งในอาคารสำคัญที่ได้รับการออกแบบและก่อสร้างขึ้นตามแผนผังนี้คือ อาคารสำหรับจัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์

อาคารวิทยาศาสตร์: สัญลักษณ์การพัฒนาและสถาปัตยกรรมยุคใหม่

อาคารวิทยาศาสตร์แห่งนี้ถือเป็น อาคารวิทยาศาสตร์แห่งแรกของภาคเหนือ15, น. 35-36 ตัวอาคารมีความโดดเด่นด้าน สถาปัตยกรรมคณะราษฎร ซึ่งมีลักษณะเน้นความเรียบง่าย ลดทอนรายละเอียด และใช้วัสดุสมัยใหม่ เช่น คอนกรีตเสริมเหล็ก สะท้อนถึงอุดมการณ์ประชาธิปไตยและความเสมอภาคภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง27, น. 120-125; 28 ภายในอาคารประกอบไปด้วยห้องบรรยายแบบสโลป ห้องปฏิบัติการ ห้องเก็บสารเคมี โดยใช้อาคารปฏิบัติการฟิสิกส์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นต้นแบบ15, น. 36 การก่อสร้างได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ รายได้จากการจัดงานฤดูหนาวของจังหวัด และเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา แสดงถึง ความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ในการพัฒนาการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ให้ทันสมัยในภูมิภาค

บทบาทของโรงเรียนในบริบทการศึกษาและสังคมล้านนา

โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยมิได้เป็นเพียงศูนย์กลางสถาบันการศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษาของภาคเหนือเท่านั้น แต่ยังเป็นประจักษ์พยานสำคัญของพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ล้านนาในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากระบบการปกครองแบบจารีตสู่การเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชาติสยามสมัยใหม่10,9,29 พัฒนาการของสถาบันแห่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างอำนาจท้องถิ่นกับอำนาจรัฐส่วนกลาง รวมถึงการปรับตัวของชนชั้นนำล้านนาต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและวัฒนธรรม18,7,11

การก่อตั้งและพัฒนาการของบุญวาทย์วิทยาลัยมีความสำคัญทั้งในเชิงประวัติศาสตร์การศึกษาและในบริบทของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองของประเทศไทย ในแง่ของประวัติศาสตร์การศึกษา บุญวาทย์วิทยาลัยเป็นตัวอย่างของการขยายตัวของระบบการศึกษาสมัยใหม่จากศูนย์กลางสู่ภูมิภาค สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายการปฏิรูปการศึกษาในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่มุ่งสร้างความเป็นสมัยใหม่ให้กับประเทศ3,4 ในแง่สังคมและการเมือง การก่อตั้งโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจจากส่วนกลางกับโครงสร้างอำนาจท้องถิ่นในล้านนา8 บทบาทของเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตในฐานะผู้อุปถัมภ์โรงเรียนสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของชนชั้นนำท้องถิ่นต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมือง และการดำรงอยู่ของความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ในกระบวนการพัฒนาการศึกษา17,16 การศึกษาแผนใหม่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้าง "ความเป็นไทย" ให้กับผู้คนในภูมิภาค12,13

ยิ่งไปกว่านั้น พัฒนาการของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยภายหลังปี พ.ศ. 2475 โดยเฉพาะการเปิดสอนระดับเตรียมอุดมศึกษาและการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นระบบ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญในการกระจายโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของสถานศึกษาในส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างชาติและพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าในยุคสมัยใหม่ บทบาทของโรงเรียนในการเป็นสถาบันเตรียมอุดมศึกษาแห่งแรกของภาคเหนือถือเป็นก้าวสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาค

บทสรุป

ประวัติศาสตร์ของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยตั้งแต่จุดเริ่มต้นในฐานะโรงเรียนหลวงแห่งแรกในลำปาง จนถึงพัฒนาการสำคัญในยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของพลวัตทางการศึกษาของไทย การก่อตั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการรวมศูนย์อำนาจและการปฏิรูปประเทศที่ขยายเข้าสู่ภูมิภาค ในขณะที่การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงทศวรรษ 2490 โดยเฉพาะการเปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษาและแผนผังโรงเรียนที่ได้รับการออกแบบอย่างเป็นระบบ สะท้อนถึงแนวทางการกระจายโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของสถานศึกษาในส่วนภูมิภาคตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญ และบทบาทสำคัญของนักการศึกษาอย่าง หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล การที่โรงเรียนถูกวางแผนและกำหนดให้เป็นศูนย์กลางสถาบันเตรียมอุดมศึกษาของภาคเหนือ ยิ่งเน้นย้ำบทบาทสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ในภูมิภาค

ด้วยเกียรติประวัติอันยาวนานกว่าร้อยยี่สิบห้าปี โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยจึงนับได้ว่าเป็นประจักษ์พยานสำคัญของการพัฒนาการศึกษาและสังคมในส่วนภูมิภาค เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนของระบบการศึกษาไทยที่ตอบสนองต่อบริบททางประวัติศาสตร์และเป้าหมายในการสร้างชาติในแต่ละยุคสมัย โรงเรียนแห่งนี้ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคงคู่เมืองลำปาง เป็นแหล่งบ่มเพาะปัญญาและสร้างสรรค์เยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติสืบไป

รายการอ้างอิง (References)

  1. Cohen, D. K., & Rosenberg, S. (1977). Functions and Fantasies: Understanding Schools in Capitalist America. History of Education Quarterly, 17(2), 113–137. https://doi.org/10.2307/367528
  2. นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์. (2545). ลัทธิพิธีเสด็จพ่อ ร.5. มติชน.
  3. Wyatt, D. K. (1969). The Politics of Reform in Thailand: Education in the Reign of King Chulalongkorn. Yale University Press.
  4. Tej Bunnag. (1977). The Provincial Administration of Siam, 1892-1915: The Ministry of the Interior under Prince Damrong Rajanubhab. Oxford University Press.
  5. Wyatt, D. K. (2003). Thailand: A Short History (2nd ed.). Yale University Press.
  6. เกษม ศิริสัมพันธ์. (2526). การเมือง การบริหาร และนโยบายสาธารณะ. โอเดียนสโตร์.
  7. Loos, T. (2006). Subject Siam: Family, Law, and Colonial Modernity in Thailand. Cornell University Press.
  8. Thongchai Winichakul. (1994). Siam Mapped: A History of the Geo-Body of a Nation. University of Hawai'i Press.
  9. Grabowsky, V. (Ed.). (1995). Regions and National Integration in Thailand, 1892-1992. Harrassowitz Verlag.
  10. สรัสวดี อ๋องสกุล. (2544). ประวัติศาสตร์ล้านนา. อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
  11. ธเนศ เจริญเมือง. (2545). คนเมือง: รวมบทความเกี่ยวกับล้านนาศึกษา. ซิลค์เวอร์ม บุ๊คส์.
  12. นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์. (2546). ชาติไทย เมืองไทย แบบเรียนและอนุสาวรีย์: ว่าด้วยวัฒนธรรม, รัฐ และรูปการจิตสำนึก. มติชน.
  13. อรรถจักร สัตยานุรักษ์. (2556). สร้าง "ภาพ" สร้าง "ชาติ": ประวัติศาสตร์วิธีคิดและวิธีสร้างตัวตนของ "คนไทย". มติชน.
  14. กระทรวงศึกษาธิการ. (2512). ประวัติกระทรวงศึกษาธิการ 2435-2512. โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
  15. บุญวาทย์วิทยาลัย, โรงเรียน. (2541). 100 ปี บุญวาทย์วิทยาลัย พ.ศ. 2441-2541. อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
  16. อรรถจักร สัตยานุรักษ์. (2547). การเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ของชนชั้นผู้นำไทย ตั้งแต่รัชกาลที่ 4 ถึง พ.ศ. 2475. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
  17. สรัสวดี อ๋องสกุล. (2557). ประวัติศาสตร์เมืองลำปาง. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
  18. อานันท์ กาญจนพันธุ์. (2549). พลวัตของชุมชนในการจัดการทรัพยากร: กระบวนทัศน์และนโยบาย. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
  19. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย. (2555). เจ้าหลวงลำปาง. สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร.
  20. Vella, W. F. (1978). Chaiyo! King Vajiravudh and the Development of Thai Nationalism. University of Hawai'i Press.
  21. Greene, S. L. W. (2000). Absolute Dreams: Thai Government under Rama VI, 1910-1925. White Lotus Press.
  22. วชิราวุธ, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (หนานแก้วเมืองบูรพ์). (2465). ลิลิตพายัพ. โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร.
  23. ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา. (2505). ประวัติกระทรวงมหาดไทย. โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง. (พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระยาอรรถการีย์นิพนธ์)
  24. Watson, K. (1980). Educational Development in Thailand. Heinemann Asia.
  25. ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์. (2517). “คณะราษฎร” ผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕. ใน รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (๒๔๗๕-๑๕๑๗) (น. 1-14). กลุ่ม “รัฐกิจเสรี”.
  26. ภานุพงศ์ สิทธิสาร. (2019). ชนชั้นนำไทยกับการจัดการการศึกษาไทย: หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล กับโครงการด้านการศึกษา พ.ศ. 2490-2512 [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]. คลังสารสนเทศดิจิทัลของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:179087
  27. พีรศรี โพวาทอง. (2552). สถาปัตยกรรมและสังคมเมืองกรุงเทพฯ: ชีวิต มุมมอง และแนวคิด สถาปนิกยุคบุกเบิก 2475-2500. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
  28. ชาตรี ประกิตนนทการ. (2551). การเมืองและสังคมในศิลปสถาปัตยกรรม: สยามสมัย ไทยประยุกต์ ชาตินิยม. มติชน.
  29. นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์. (2538). ปากไก่และใบเรือ: รวมความเรียงว่าด้วยวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ต้นรัตนโกสินทร์. แพรวสำนักพิมพ์.
  30. Ongsakul, S. (2505). History of Lan Na (C. E. Pearson, Trans.). Silkworm Books. (Original work published 2001)