ศาลเจ้าพ่อกว้าน: มรดกแห่งศรัทธา...จากศาลสู่ศูนย์รวมใจชาวลำปาง
ศาลเจ้าพ่อกว้านคือสถาปัตยกรรมทรงคุณค่าและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งต่อจังหวัดลำปาง ศาลแห่งนี้มิได้เป็นเพียงอาคารสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงพัฒนาการของระบบความเชื่อ, จารีตทางกฎหมาย, และวิถีชีวิตของชุมชนล้านนาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
บทบาทดั้งเดิมในฐานะศาลสถิตยุติธรรม
ศาลเจ้าพ่อกว้านถือกำเนิดขึ้นในฐานะ "ศาลตัดสินความ" ของทางราชการ โดยตั้งอยู่บริเวณด้านหลังบ้านพักผู้พิพากษาหัวหน้าศาลบนถนนบุญวาทย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางความเจริญของเมืองลำปางในยุคนั้น การปรากฏตัวของศาลในบทบาทนี้สะท้อนถึงระบบความยุติธรรมของล้านนาที่ผสมผสานระหว่างกฎหมายบ้านเมืองกับความเชื่อเรื่องอำนาจเหนือธรรมชาติ เชื่อว่าอำนาจศักดิ์สิทธิ์จะช่วยค้ำประกันความยุติธรรมและความสัจจริงในกระบวนการพิจารณาคดี
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม:
- มีขนาดใหญ่โต กว้างประมาณ 10 เมตร และยาว 20 เมตร
- โครงสร้างหลักสร้างด้วย ไม้สักทอง
- เทคนิคการก่อสร้างแบบโบราณ ไม่ใช้ตะปู แต่ใช้วิธีการเข้าลิ่มสลักไม้ ซึ่งสะท้อนภูมิปัญญาท้องถิ่นล้านนา
- หน้าจั่วของศาลประดับด้วย ลวดลายสลักเสลาอันวิจิตร
- โครงสร้างภายในประกอบด้วย แท่นบัลลังก์สำหรับจ่าบ้านหรือผู้พิพากษา และ แท่นที่ประทับสำหรับเจ้านายผู้มีอำนาจปกครอง
- ก่อนเริ่มกระบวนการพิจารณาคดี คู่กรณีต้องกระทำพิธี สาบานตนต่อหน้า "หอเล็กๆ" อันเป็นที่สถิตของเจ้าพ่อกว้าน หอเล็กๆ นี้ถือเป็น "ศาลศักดิ์สิทธิ์" ที่ผู้คนต้องให้คำสัตย์ปฏิญาณ
ด้วยเหตุนี้ ศาลสถิตยุติธรรมจึงได้รับการขนานนามว่า "ศาลเจ้ากว้าน" สืบเนื่องจากความเชื่อในอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักษ์รักษาความยุติธรรม
เจ้าพ่อกว้าน: เสื้อเมืองและรากฐานความศรัทธาในท้องถิ่นล้านนา
แม้ประวัติศาสตร์จะไม่ได้บันทึกอัตลักษณ์และที่มาของ "เจ้าพ่อกว้าน" ไว้อย่างชัดเจน แต่ในบริบทความเชื่อท้องถิ่นล้านนา เจ้าพ่อกว้านทรงสถานะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองในระดับเดียวกับ เจ้าพ่อหลักเมือง
หลักฐานที่แสดงถึงความสำคัญ:
- ธรรมเนียมการเซ่นสังเวย: เมื่อมีการบวงสรวงเจ้าพ่อหลักเมือง เครื่องเซ่นสังเวยครึ่งหนึ่งจะถูกแบ่งไปถวายแด่เจ้าพ่อกว้านเสมอ
- บทบาทในยามบ้านเมืองเผชิญภัยสงคราม หรือเมื่อเจ้าหน้าที่ต้องการติดตามจับกุมผู้ร้ายสำคัญ จะต้องมีการบวงสรวงเจ้าพ่อกว้านก่อนเริ่มปฏิบัติการ
องค์ประกอบเครื่องเซ่นสังเวย:
- หมูดำปลอด (หมูที่ไม่มีสีอื่นเจือปน) หนึ่งตัว
- ไก่คู่
- ตีนหมูสี่ตัว
- วัวกีบผึ้ง
- หางไหมหนึ่งตัว
- พิธีกรรมบวงสรวงมีกำหนดจัดขึ้นประจำทุกปีใน เดือน 9 เหนือ แรม 5 ค่ำ
- ในยุคแรกเริ่ม พิธีกรรมจะเน้นไปที่การบวงสรวงและสักการะ โดย ไม่มีการเชิญเข้าทรงหรือฟ้อนผี ดังที่ปรากฏในปัจจุบัน (แต่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบพิธีกรรมในเวลาต่อมา)
การย้ายถิ่นฐานสู่ร่มเงาโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย
เมื่อมีการก่อสร้าง "ศาลยุติธรรม" แห่งใหม่ (ศาลจังหวัดในปัจจุบัน) ศาลเจ้าพ่อกว้านเดิมจึงถูกทิ้งร้างลง ด้วยเจตนารมณ์ที่จะอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น จึงมีการตัดสินใจย้ายศาลเจ้าพ่อกว้านมายังโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย
รายละเอียดการย้าย |
ข้อมูล |
ปีที่ย้าย |
พ.ศ. 2479 |
กระบวนการย้าย |
ดำเนินการอย่างพิถีพิถัน โดย คงรูปแบบและโครงสร้างเดิมไว้ทุกประการ |
สถานที่ตั้งใหม่ที่โรงเรียน |
บริเวณ ด้านหลังเสาธงของโรงเรียน (ตำแหน่งที่ตั้งของเสาธงทอดตลอดจนถึงบางส่วนของบริเวณสวนป่าโรงเรียนในปัจจุบัน) |
บทบาทและการใช้ประโยชน์ภายในโรงเรียน:
- ในช่วงแรกที่ย้ายมา ศาลเจ้าพ่อกว้านยังไม่ได้ถูกใช้เป็นห้องเรียน
- ต่อมาถูกปรับเปลี่ยนเป็น "สโมสรลูกเสือ" เมื่อโรงเรียนจัดชุมนุมลูกเสือระดับอำเภอ
- ยังถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการ อบรมครู ว. (ครูจังหวัด)
- และในที่สุด เมื่อจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นและสถานที่เรียนคับแคบ ศาลเจ้าพ่อกว้านถูกปรับเปลี่ยนเป็น "ห้องเรียนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1" ตั้งแต่ พ.ศ. 2480 เป็นต้นมา
- นักเรียนเก่าที่ได้ศึกษาเล่าเรียนในศาลเจ้าพ่อกว้านจึงได้รับการขนานนามอย่างภาคภูมิใจว่าเป็น "ลูกเจ้ากว้าน"
ความศักดิ์สิทธิ์ในโรงเรียน: การสืบสานประเพณีความเชื่อ
แม้ว่าศาลเจ้าพ่อกว้านจะเปลี่ยนบริบทมาสู่สถาบันการศึกษา แต่ความเชื่อเรื่องอำนาจศักดิ์สิทธิ์ยังคงดำรงอยู่และส่งผลต่อวิถีชีวิตของประชาคมโรงเรียน
- จากคำบอกเล่าของครูปานแก้ว พันธ์ปวน นักเรียนใหม่ทุกคนที่ย้ายเข้ามาเรียนในศาลเจ้าพ่อกว้านจะต้องกระทำพิธีบอกกล่าวและเคารพสักการะเจ้าพ่อก่อน หากละเลย อาจประสบเคราะห์กรรมต่างๆ เช่น อาการเจ็บป่วยไม่สบาย
- นักเรียนที่ซุกซนปีนป่ายฝาห้องหรือขึ้นไปนั่งบนแท่นบัลลังก์แล้วมีอาการปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่เมื่อสำนึกผิดและขอขมาลาโทษต่อเจ้าพ่อ อาการเหล่านั้นก็จะทุเลาลง
- ครูปานแก้วยังเล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวว่าเคยรู้สึกเหมือนมีใครมาสะกิดให้ตื่นจากภวังค์ และขาโต๊ะด้านนั้นมักมีดอกไม้ธูปเทียนมาวางประดับอยู่เสมอ ทำให้เชื่อว่าเจ้าพ่อกว้านได้เสด็จมาประทับ
- เหตุการณ์ในงานฤดูหนาวที่จัดโดยสมาคมนักเรียนเก่าบุญวาทย์วิทยาลัย ก็แสดงถึงอิทธิฤทธิ์ของเจ้าพ่อกว้าน โดยสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงหลังจากการบนบานศาลกล่าวต่อเจ้าพ่อกว้าน ทำให้ฝนไม่ตกตลอด 7 วัน 7 คืน ของงาน
การรื้อถอนและอนุรักษ์ชิ้นส่วน
ในปี พ.ศ. 2497 โรงเรียนได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงศึกษาธิการเพื่อก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ตามแผนผังการก่อสร้างของ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล
- เนื่องจากอาคารหลังใหม่จะต้องถูกสร้างขึ้นในบริเวณที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อกว้านเดิม ศาลเจ้าพ่อกว้านจึงจำเป็นต้องถูกรื้อถอนไป
- ชิ้นส่วนไม้สักอันทรงคุณค่าของศาลเจ้าพ่อกว้านได้ถูกนำไปกองเก็บไว้บริเวณหน้าตึกวิทยาศาสตร์ (อาคารกีรติคุณในปัจจุบัน) และโรงพลศึกษา
- ชิ้นส่วนบางส่วนได้รับการร้องขอและนำไปเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์วัดเมืองสาสน์ และ พิพิธภัณฑ์วัดพระแก้วดอนเต้า
สถานะปัจจุบันและบทบาทอันยั่งยืน
ปัจจุบัน ศาลเจ้าพ่อกว้านปรากฏอยู่ สองแห่ง:
- แห่งแรก คือที่ตั้งเดิมในบริเวณ ตลาดรอบเวียง (กาดเจ้ากว้าน) ตรงข้ามโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ณ ที่แห่งนี้ ยังคงมีการประกอบพิธีกรรม ทรงเจ้าและฟ้อนผี ตามความเชื่อดั้งเดิม ซึ่งเป็นศูนย์รวมศรัทธาของผู้คนทั่วไป
- อีกแห่งหนึ่ง คือศาลเจ้าพ่อกว้านขนาดเล็กที่สร้างขึ้นใหม่ทดแทนศาลใหญ่เดิม ศาลเล็กๆ แห่งนี้เคยตั้งอยู่บริเวณด้านหลังตึกวิทยาศาสตร์เก่าของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย (ปัจจุบันคืออาคารกีรติคุณ) ต่อมา ศาลเจ้าพ่อกว้านได้ถูกย้ายและสร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างาม ณ บริเวณประตูทางเข้าโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยในปัจจุบัน
ทั้งสองสถานที่นี้ต่างเป็นที่เคารพสักการะและแสดงถึงความผูกพันของศาลเจ้าพ่อกว้านกับทั้งโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยและชุมชน ศาลเจ้าพ่อกว้านเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวลำปาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียน, นักกีฬา, และคณาจารย์โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ที่มักเดินทางไป สักการะขอพรให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันและการศึกษา ทุกครั้งที่นักกีฬาทีมแดง-ขาวหรือนักเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยต้องออกไปแข่งขัน พวกเขาจะไปขอพรจากศาลเจ้าพ่อกว้าน เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและเป็นสิริมงคล ความศรัทธานี้ยังแพร่หลายไปสู่ผู้คนในชุมชนโดยทั่วไป ทำให้ศาลเจ้าพ่อกว้านกลายเป็นมรดกทางจิตวิญญาณร่วมกันของคนเมืองลำปาง
ศาลเจ้าพ่อกว้านจึงมิได้เป็นเพียงศาลเจ้าธรรมดาทั่วไป หากแต่เป็น มรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ของท้องถิ่นและโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ซึ่งยังคงมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนในปัจจุบัน และเป็นสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบุญวาทย์และผู้คนในนครลำปางสืบไป